I can’t do everything for everybody, but I can do something for somebody. And what I can do, I must do. Dr.Bob Pierce, World Vision Name: Greenpeace SEAsia Thailand City: Bangkok Hometown: Bangkok, Thailand Country: Thailand Companies: Greenpeace Southeast Asia (THAIL... Interests and Hobbies: Saving the environment for all lives on earth. Website: http://www.greenpeace.or.th

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

วันที่ 1-5 ตุลาคม โดยได้รับความร่วมมือจาก 24 โรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯและปริมณฑล "เรารักตับ" ครั้งที่ 4 ตรวจค่าเอ็นไซม์ตับ (ALT) แก่ประชาชน...ฟรี!!

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11527 มติชนรายวัน


คอลัมน์ โฆษกชาวบ้าน





- มูลนิธิโรคตับ จัดโครงการเนื่องใน "วันรักตับโลก" ขึ้น 2 โครงการ คือ การมอบรางวัลอังคาร กัลยาณพงศ์ แก่ผู้ชนะการประกวดจิตรกรรมเยาวชนมูลนิธิโรคตับ ครั้งที่ 2 ที่ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยาม ดิสคัฟเวอรี่ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เวลา 17.00-20.00 น. (แสดงผลงานวันที่ 1-2 ตุลาคม) ส่วนอีกโครงการ คือ "เรารักตับ" ครั้งที่ 4 ตรวจค่าเอ็นไซม์ตับ (ALT) แก่ประชาชน...ฟรี!! ระหว่างวันที่ 1-5 ตุลาคม โดยได้รับความร่วมมือจาก 24 โรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯและปริมณฑล เช่น เกษมราษฎร์บางแค, เกษมราษฎร์ประชาชื่น, เจ้าพระยา, ธนบุรี, นวมินทร์ 9, บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล, เปาโลเมโมเรียลโชคชัย 4, พญาไท 1, พญาไท 3, สมิติเวช สุขุมวิท ฯลฯ และโรงพยาบาลในต่างจังหวัด เช่น กรุงเทพคริสเตียน จ.นครปฐม, ราชธานี จ.พระนครศรีอยุธยา, กรุงเทพพระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ มูลนิธิโรคตับ โทร.0-2261-2428 หรือดูรายละเอียดที่ www.thailiverfoundation.org

- กวีรุ่นใหม่ จาก www.thaipoetsociety.com จัดงาน "ครบรอบ 1 www.thaipoetsociety.com" ด้วยกิจกรรมอ่านบทกวี ตามหาดวงดาวในจินตนาการสาธารณรัฐกวีนิพนธ์ ดื่มด่ำกับวงดนตรี BULETEEN และวงสนทนาหัวข้อ "1 ปี Thai Poet Society กวีมีหมดอายุ?" โดย กฤช เหลือลมัย, ซะการีย์ยา อมตยา, แก้วตา ธัมอิน, โกฏิดารา งานเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันเสาร์ ที่ 10 ตุลาคม 2552 ณ สวนเงินมีมา เจริญนคร 22 คลองสาน มิตรสหายและผู้ประสงค์มาร่วมงาน กรุณาแจ้งความจำนงมาได้ที่ thaipoetsociety@hotmail.com โทรศัพท์ 08-9784-5958 หรือ สอบถามเส้นทางที่ 0-2860-1221, 08-0987-3172

- ศูนย์วิทยสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี หรือ "เอไอซี" ผุดหลักสูตร "สร้างสรรค์งานศิลป์ด้วยศิลปินน้อย" ต้อนรับปิดเทอม ชวนผู้ปกครองส่งลูกหลานสัมผัสประสบการณ์ด้านศิลปะ โดยจะเปิดหลักสูตร "สร้างสรรค์งานศิลป์ด้วยศิลปินน้อย" ขึ้น ระหว่างวันที่ 5-16 ตุลาคม 2552 เพื่อให้เด็กอายุระหว่าง 5-12 ขวบ มีโอกาสสร้างสรรค์กิจกรรมทางศิลปะในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การวาด การระบายสี การปั้น การพิมพ์ภาพ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ฝึกจินตนาการ ฝึกสมาธิ ฝึกมองโลกในแง่ดี สร้างความเชื่อมั่นความภาคภูมิใจในตัวเอง และเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิทยสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (AIC) โทรศัพท์ 0-7728-9949

- มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ขอเชิญร่วมฟังเสวนารับเทศกาลกินเจ ในหัวข้อ จาก "เม้งก่า" ถึง "อั้งยี่" สู่ประเพณีกินเจไทย สนทนาโดย ดนัย ผลึกมณฑล เจ้าของนามปากกา "แปลงนาม" รศ.แสงอรุณ กนกพงศ์ชัย แห่งมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2552 ตั้งแต่เวลา 17.30-19.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 0-2281-1988 หรือ 0-2280-3340 เว็บไซต์ http://www.lek-prapai.org

ส่งข้อความประชาสัมพันธ์ หรือ ข้อมูลข่าวสารได้ที่ scoop@matichon.co.th หรือ โทรสารหมายเลข 0-2589-5674 และ 0-2580-0550


หน้า 21

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thanks for visiting!  
news9
http://pnac-th.blogspot.com/  pnac-th
http://nature1951.blogspot.com/ nature1951
http://econnews9.blogspot.com/ econ
http://seminars9.blogspot.com/ ilaw
http://politic9.blogspot.com/ pdc9
http://jaecafe.com/feed
http://elibrary.nfe.go.th/index2.php
http://www.kmutt.ac.th/rippc/info.htm

ฮือฮา คนแคระจีนสร้างหมู่บ้านตัวเอง หนีปัญหาถูกคนปกติคอยรังเกียจ


วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 14:00:58 น.  มติชนออนไลน์

ฮือฮา คนแคระจีนสร้างหมู่บ้านตัวเอง หนีปัญหาถูกคนปกติคอยรังเกียจ 
 


 

คนแคระจีนเจ๋งสร้างชุมชนหมู่บ้านของตัวเอง หนีปัญหาถูกคนทั่วไปรังเกียจ จนเกิดกระแสฮิตกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเหล่าคนแคระแห่"แต่งบ้าน-แต่งกาย"เป็นตัวละครในนิยาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่า คนแคระจีนได้สร้างหมู่บ้านชุมชนคนแคระของตัวเอง ในเมืองคุนหมิง ทางตอนใต้ของประเทศจีน เพื่อหนีปัญหาถูกคนปกติธรรมดาทั่วไปคอยรังเกียจ มีประชากรราว 120 คน แต่ละคนมีขนาดความสูงไม่ถึง 4 ฟุต 3 นิ้ว โดยคนแคระเหล่านี้ยังได้จัดตั้งกฎเกณฑ์ของพวกเขาขึ้นมา เช่น การตั้งหน่วยตำรวจ และหน่วยยิงกระสุน

 

ขณะที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว เมื่อชุมชนคนแคระได้สร้างบ้านพวกเขาเป็นบ้านเห็ด และแต่งกายเหมือนคนแคระในนิยาย

 

ด้านโฆษกคนแคระบอกว่า "ปกติแล้ว คนตัวเล็กจะถูกคนตัวโตกลั่นแกล้งอยู่บ่อย ๆ แต่ที่นี่จะไม่มีคนตัวโต และเราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือชุมชนคนแคระของเราเอง


-- http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1254294103&grpid=01&catid=
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org
http://www.lek-prapai.org/
http://www.paper4trees.org/index1.htm

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ข่าว//คนพิการผนึกกำลังสู้...."ปลดแอกมนุษย์ล้อสู่อิสระภาพ"


 
 

 
From: Apanee Mitthong <apanee@dpiap.org>
To: 
Sent: Wednesday, September 23, 2009 7:03:21 PM
Subject:  ข่าว//คนพิการผนึกกำลังสู้...."ปลดแอกมนุษย์ล้อสู่อิสระภาพ"

ขอบคุณค่ะ

 


From: kwanruthai [mailto:kwanruthai@dpiap.org]
Sent:  

Subject: ข่าว//คนพิการผนึกกำลังสู้...."ปลดแอกมนุษย์ล้อสู่อิสระภาพ"

 

ที่ศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ ๒๒ ก.ย. ๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น. คนพิการทุกประเภทกว่า ๓๐๐ คน ทั้งที่เป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้เก้าอี้เข็น "มนุษย์ล้อ" คนตาบอด คนหูหนวก และผู้ปกครองคนออทิสติก เป็นต้น ได้ร่วมชุมนุมกันบริเวณหน้าประตูเข้าอาคารศาลปกครอง โดยนายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ ในนามของประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความเสมอภาค ชมรมมนุษย์ล้อนานาชาติ และเครือข่ายคนพิการได้ประกาศให้ วันที่ ๒๒ กันยายน เป็นวัน "ปลดแอกมนุษย์ล้อแห่งชาติ" พร้อมทั้งเชิญชวนทุกคนร่วมฟังศาลพิพากษาใน คดี นายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ ที่ปรึกษาสภาผู้พิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย กับพวก ยื่นฟ้อง กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. (ในขณะนั้น) ผอ.สำนักการโยธา และบริษัทบีทีเอส ในข้อกล่าวหาที่หน่วยงานดังกล่าวละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่จัดลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงและใช้บริการรถไฟฟ้าบีที เอสได้ทั้ง ๒๓ สถานี ทำให้คนพิการเดือดร้อน ไม่สามารถเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสอย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป โดยหลังฟังคำพิพากษา จะมีการแถลงจุดยืนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของมนุษย์ล้อ

เวลาประมาณ ๑๓.๔๐ น. ศาลได้พิพากษา "ยกฟ้อง" คดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ผู้ถูกฟ้องทั้ง ๔ ไม่ได้ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากผู้ถูกฟ้องได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีและจัดบริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ตามสัญญาโครงการระบบขนส่งมวลชน ซึ่งเป็นการทำสัญญาก่อนที่กฎกระทรวงแห่ง พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. ๒๕๓๔ บังคับใช้ นอกจากนั้น ผู้ถูกฟ้องยังได้พยายามบริการคนพิการโดยจัดลิฟต์ให้ ๕ สถานีแล้ว

หลังศาลอ่านคำพิพากษา นายสุภรธรรม และคณะกรรมการอิสระเพื่อความเสมอภาคได้ประกาศถ้อยแถลงจุดยืนการต่อสู้เพื่อ "ปลดแอกมนุษย์ล้อสู่อิสรภาพ" ว่า น้อมรับคำตัดสินของศาล อย่างไรก็ตาม คนพิการจะผนึกกำลังสู้ ต่อไป ดังนี้

๑. เราขอเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครและบริษัท BTS แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการติดตั้งลิฟต์และให้บริการสำหรับมนุษย์ล้อและประชาชนทั้งมวลอย่างเท่าเทียม

๒. เราจะใช้สิทธิตามกฎหมายในการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งใช้สิทธิตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อโครงการก่อสร้างที่ขัดขวางต่อวิถีชีวิตอิสระของเพื่อนคนพิการ

๓. เราจะเจาะ เกาะติด สำรวจ ตรวจสอบ และตีแผ่อาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการสาธารณะที่เป็นอันตรายหรือปิดกั้นอิสรภาพของมนุษย์ล้อและประชาชน ๔. เราจะเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์แบบอย่างที่ดีในการเอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับคนทั้งมวล พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการปรับปรุงและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และ

๕. เราจะรณรงค์ให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือมาตรการต่างๆ ให้ทันสมัย เพื่อกำหนดให้บริการสาธารณะทั้งใหม่และเก่าต้องปราศจากอุปสรรคสำหรับคนทั้งมวล (มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๒๒ ก.ย. ๒๕๕๒ )

 

กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมรูปภาพ ได้ที่  http://www.tddf.or.th/tddf/

 

ขออภัยหากอีเมลฉบับนี้เป็นการรบกวน  หรือเป็นการส่งซ้ำ

ขอบคุณค่ะ

ขวัญฤทัย  สว่างศรี

 

 

 

Best regards,

Ms.Kwanruthai  Savangsri

National Project Coordinator

 

**************************************************************

Disabled Peoples' International Asia-Pacific Region (DPI/AP)

92 Phaholyothin 5 Road, Samsennai, Phayathai Bangkok 10400 THAILAND

Tel: 66 (0)2 271-2123

Fax: 66 (0)2 271-2124

Email: kwanruthai@dpiap.org

Website: http://www.dpiap.org/

**************************************************************

 


วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2552: หนังอาเซียนและหนังไทย


 

สวรรค์บ้านนา


Aurora


Independencia


Burma VJ


เชิด ทรงศรี

 
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 19:40:15 น.  มติชนออนไลน์

แนะนำหนังน่าสนใจในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2552: หนังอาเซียนและหนังไทย

แม้จะเพิ่งมีข่าวคราวคดีทุจริตติดสินบนระหว่างชาวต่างชาติกับอดีตผู้ว่า การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.2550 อย่างไรก็ตาม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติดังกล่าวก็ยังเดินหน้าจัดงานมาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ด้วยทีมงานชาวไทยที่ไม่ใช่ชาวต่างชาติในระยะหลัง


ในปีนี้ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯก็จะหวนกลับมาจัดงาน อีกครั้งระหว่างวันที่ 24-30 กันยายน ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซินีม่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมด้วยหนังนานาชาติจำนวนมากมายหลายเรื่อง


หากตัดเรื่องราวทุจริตในอดีตทิ้งไป เราก็จะพบว่าอย่างน้อยภาพยนตร์จากนานาประเทศที่ถูกนำเข้ามาฉายในเทศกาล ภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ก็ถือเป็นสื่อที่เชื่อมต่อกับแหล่งความรู้ในโลกกว้างซึ่งมีราคาถูกและเข้า ถึงได้ง่ายที่สุดอีกชนิดหนึ่งสำหรับคนไทยหากเปรียบเทียบกับหนังสือ โดยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯครั้งนี้ ก็มีการนำหนังอาเซียนและไทยที่น่าสนใจหลาย ๆ เรื่องมาจัดฉาย ได้แก่


"Aurora" หนังของผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์ "อดอลโฟ อลิซ จูเนียร์" ซึ่งเล่าเรื่องของ "ออ โรร่า" หญิงสาวนักกิจกรรมทางสังคม ที่ถูกลักพาตัวไปโดยสมาชิกกลุ่มกบฏ Lost Command แต่กลุ่มกบฏที่ลักพาตัวเธอกลับต้องเผชิญหน้ากับการถล่มยิงของทหารกลางดึก ทำให้เธอพลัดหลงจากกลุ่มและเดินทางไปอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางป่าทึบ ในที่สุดเธอก็ได้พบกับหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มกบฏที่ลักพาตัวเธอมา ออโรร่าพยายามหลบหนีเขา เมื่อยามอรุณรุ่งมาถึงเธอจะยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่?
 

"Independencia" ภาพยนตร์ของผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์วัย 25 ปี "รายา มาร์ติน" ซึ่งเพิ่งได้ร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปีนี้ หนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศฟิลิปปินส์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ที่เสียงของสงครามดังสนั่นตอบรับการเดินทางเข้ามาของกองทัพอเมริกัน กระทั่งมารดาวัยชราและบุตรชายคู่หนึ่งต้องพากันหลบหนีเข้าไปใช้ชีวิตอัน เงียบและเรียบง่ายกลางหุบเขา วันหนึ่งบุตรชายได้ช่วยเหลือสตรีบาดเจ็บผู้หนึ่งกลางป่าและพาเธอกลับมาที่ บ้าน เมื่อเวลาผันผ่านไป ชายหนุ่ม หญิงสาว และลูกของพวกเขาอาศัยอยู่ในป่าตัดขาดจากโลกภายนอกอันยุ่งเหยิง แต่เมื่อมีพายุใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นก็ทำให้ครอบครัวดังกล่าวเริ่มรู้สึกหวาด หวั่น อีกทั้งเหล่าทหารอเมริกันก็กำลังเดินทัพเข้ามาใกล้พวกเขามากยิ่งขึ้นทุกที


"Kinatay" ภาพยนตร์ฟิลิปปินส์ของผู้กำกับ "บริลลันเต้ เมนโดซ่า" ที่ทำให้เมนโดซ่าสามารถคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี ค.ศ.2009 มาได้เป็นผลสำเร็จ หนัง เล่าเรื่องราวของตัวละครชื่อ "เปปิง" ที่กำลังฝันหวานเพราะกำลังจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ให้กำเนิดลูกแก่เขา แต่เขาเป็นเพียงนักเรียนตำรวจจน ๆ คนหนึ่ง จึงจำเป็นต้องรับงานนอกหน้าที่เพื่อหารายได้พิเศษ เปปิงคุ้นเคยดีกับการหาเงินระยะสั้นในแวดวงค้ายา เขาจึงเผลอตกปากรับงานที่ให้เงินดีจากเพื่อนเลวคนหนึ่ง ชายหนุ่มพลัดตกลงไปสู่การเดินทางท่ามกลางความมืดมนอันหนักหน่วง เมื่อได้รู้เห็นการลักพาตัวและทรมานโสเภณีสาวรูปงาม เขาตื่นกลัวและหมดหนทางไปเมื่อต้องทำทุกสิ่งภายใต้การควบคุมของฆาตรกรโรคจิต ชายหนุ่มจึงต้องทบทวนตนเองว่าหรือแท้จริงแล้วตัวเขานั่นเองที่คือฆาตกร?


"Jamila and The President" หนังอินโดนีเซียของผู้กำกับ "รัตนา ซารุมแพท" ที่เล่าเรื่องของ "จา มิล่า" หญิงโสเภณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต เพราะเธอยอมรับความผิดฐานฆ่ารัฐมนตรีอาวุโสคนหนึ่ง โดยไม่ร้องขอทนายความหรือขอลดหย่อนโทษ กรณีของเธอทำให้เกิดการถกเถียงกันไปทั่วประเทศ ตามด้วยปฏิกิริยาจากทหารกลุ่มหนึ่งที่พยายามบีบให้รัฐบาลตัดสินลงโทษเธอด้วย การประหารชีวิต ขณะเดียวกัน ชีวิตในคุกก็ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงชีวิตวัยเยาว์ของจามิล่า ซึ่งเธอตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ที่กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในหลาย พื้นที่ และจามิล่าก็คือตัวแทนของเด็กนับล้านคนที่ถูกขายเพราะความยากจนและด้อยการศึกษา


รวมภาพยนตร์สั้นเรื่อง "9808" จากประเทศอินโดนีเซีย เป็นโครงการที่นำหนังสั้นจำนวน 10 เรื่องจาก 10 ผู้กำกับ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้กำกับภาพยนตร์ ศิลปิน นักดนตรี และนักวิชาการ ที่รวมตัวกันในนามกลุ่ม "Umbrella Project" มาฉายร่วมกันเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี แห่งการปฏิรูปการเมืองในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2008 โดยหนังสั้นแต่ละเรื่องจะมีมีจุดเน้นที่แนวคิดของยุคปฏิรูปการเมืองและความ หมายที่แท้จริงของเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเล่าผ่านสายตาของประชาชนคนธรรมดาซึ่งถือเป็นวีรชนตัวจริงของประเทศ


"Malaysian Gods" หนังสารคดีมาเลเซียของผู้กำกับ "อามีร์ มูฮัมหมัด" ที่ ตั้งใจจะสะท้อนเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1998 ซึ่ง "นายอันวาร์ อิบบราฮิม" ถูกปลดออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และต้องขึ้นศาลในคดีคอร์รัปชั่นและการร่วมเพศทางทวารหนัก ส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากที่เห็นว่ารัฐบาลใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมได้ร่วมกัน มาเดินประท้วงตามท้องถนน ต่อมามีการเรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่า "ยุคปฏิรูป" โดยมูฮัมหมัดได้เข้าไปสำรวจเหตุการณ์การประท้วงครั้งนั้น ผ่านการสัมภาษณ์บรรดาบุคคลที่เคยใช้ชีวิต ทำงาน หรือได้แวะเวียนไปยังบริเวณที่เกิดเหตุการประท้วงเมื่อ 10 ปีก่อน โดยใช้ภาษาทมิฬ ซึ่งเป็นภาษาของกลุ่มเชื้อชาติที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในบรรดาสามเชื้อ ชาติหลักของมาเลเซีย เป็นภาษาในการสื่อสาร เพื่อสอบถามว่าบุคคลทั้ง หลายคิดอย่างไรกับชีวิต ความหวัง และความฝัน และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใดให้แก่ มาเลเซียหรือไม่


"BURMA VJ: REPORTING FROM A CLOSED COUNTRY" หนังสารคดีเกี่ยวกับประเทศพม่าของผู้กำกับชาวเดนมาร์คชื่อ "แอนเดอร์ส ฮอกสโบร ออสเทอร์การ์ด" ที่ บันทึกเรื่องราวของเหล่า Video Journalist หรือ VJ ซึ่งเป็นหน่วยข่าวลับในประเทศดังกล่าวที่มีเครื่องมือประจำตัวคือกล้อง วิดีโอพกพาขนาดเล็ก พวกเขาแอบส่งภาพความเป็นไปของประเทศออกสู่โลกภายนอกแม้จะเสี่ยงต่อชีวิตและ อาจต้องติดคุกก็ตาม "โจชัว" ชายหนุ่มวัย 27 ปี เป็นผู้นำด้านกลยุทธ์ของนักข่าวกลุ่มนี้ โดยในช่วงที่พระสงฆ์ชาว พม่าลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาลทหาร ขณะที่บรรดาสำนักข่าวต่างชาติก็ถูกสกัดกั้นไม่ให้เข้าประเทศพม่า เขาและทีมงานจึงกลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่สามารถส่งภาพการปฏิวัติด้วยชายจีวร ของคณะสงฆ์ออกสู่จอโทรทัศน์ทั่วโลกได้ เมื่อรัฐบาลทหารตระหนักถึงพลังของกลุ่มคนผู้ถือกล้องวิดีโอตัวเล็กๆ เหล่านี้ บรรดา VJ จึงตกเป็นเป้าหมายที่ต้องถูกกำจัด


"สวรรค์บ้านนา" (Agrarian Utopia) ผลงานหนังสารคดีของ "อุรุพงษ์ รักษาสัตย์" บัณฑิตสาขาภาพยนตร์จากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เกิดมาในครอบครัวชาวนาที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ที่สามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติมาได้หลายรางวัล หนังถ่ายทอดภาพชีวิตของชาวนาสองครอบครัวผู้ซึ่งที่นาถูกยึด ต่อมาพวกเขาได้มาร่วมทำนาบนผืนดินเแผ่นดียวกัน และหวังว่าจะสามารถผ่านชีวิตหนึ่งปีของการทำนาไปได้เหมือนเช่นทุก ๆ ปีที่ผ่านมา  ดูเหมือนว่าไม่ว่าโลก ประเทศ หรือสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม จะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ชาวนาเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถนึกฝันถึงวิถีแห่งความไม่ทุกข์ยากได้ สุดท้ายหนังพยายามตั้งคำถามว่า "เราจะฝันถึงโลกอุดมคติได้อย่างไร ขณะที่ท้องยังหิวอยู่"

 

นอกจากนั้น ยังจะมีการจัดฉายหนังเพื่อรำลึกถึงผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยและมาเลเซียผู้ล่วงลับ ได้แก่ "เชิด ทรงศรี" และ "ยาสมิน อาห์หมัด" ทั้งนี้ ผลงานหนัง 3 เรื่องของเชิดที่จะถูกนำมาฉายในเทศกาลคือ "แผลเก่า" "พลอยทะเล" และ "ข้างหลังภาพ" ส่วนผลงานหนัง 3 เรื่องของอาห์หมัดที่จะถูกนำมาฉายในเทศกาลคือ "Chocolate" "Sepet" และ "Talentime"

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1253103998&grpid=&catid=08
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

เตรียมเปิดตัวซอฟต์แวร์ วางแผนติดเหล็กจัดฟัน วันที่ 23-25 กันยายน 2552 ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11512 มติชนรายวัน


เตรียมเปิดตัวซอฟต์แวร์ วางแผนติดเหล็กจัดฟัน





เตรียม เปิดตัวซอฟต์แวร์ AlignBracket 3D : ช่วยวางแผนติดเหล็กจัดฟัน 3 มิติ และ CephSmile : ซอฟต์แวร์ช่วยวิเคราะห์กะโหลกศีรษะและจำลองใบหน้าหลังการจัดฟัน

ดร.จันทร์จิรา สินทนะโยธิน จากหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีภาพ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ AlignBracket 3D : และ CephSmile : เพื่อช่วยในการวางแผนการติดเหล็กจัดฟันแบบ 3 มิติ และวิเคราะห์ใบหน้าหลังการจัดฟันว่า ก่อนการจัดฟันทันตแพทย์ ทั้งหลายหนักใจมาก เพราะต้องอธิบายให้กับผู้เข้ารับการจัดฟันเข้าใจ อีกทั้งยังต้องรับรองให้กับพวกเขาด้วยว่าออกมาจะสวย จะหล่อ แต่จะจริงหรือเปล่ายังไม่แน่ใจ แต่ปัจจุบันไม่จ้องอีกแล้ว เราจะนำท่านไปรู้จักซอฟต์แวร์ดีๆ ตัวหนึ่ง



หน่วย ปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีภาพ ได้คิดค้นโปรแกรมช่วยวางแผนการติดเหล็กจัดฟันและจำลองผลการจัดเรียงฟันในรูป แบบ 3 มิติ โปรแกรมนี้ได้ช่วยให้ทันตแพทย์หรือแพทย์ฝึกหัด สามารถจำลองการจัดฟันผู้เข้ารับการรักษาก่อนจะลงมือจริง และยังสามารถให้ผู้เข้ารับการรักษาได้เห็นภาพด้วยว่าขั้นตอนต่างๆ ต้องทำอะไรบ้าง ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถตัดสินใจได้ตัวเอง สำหรับทันตแพทย์ และแพทย์ฝึกหัด ยังช่วยให้ประหยัดเวลาในการรักษาจริง

นอก จากในช่วงนี้ เราเห็นข่าวคราวแฟชั่นจากจัดฟันพวกเด็กวัยรุ่นกันอย่างมากมาย แต่มีใครจะรู้บางไหมครับ ว่าจัดมาแล้วหน้าตาเราจะสวย จะหล่อ หรือเปล่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาให้กังวลอีกแล้ว ด้วยโปรแกรมที่เราจะนำท่านไปรู้จักนี้

โดย หน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีภาพ ได้คิดค้นโปรแกรมช่วยวิเคราะห์กะโหลกศีรษะและจำลองใบหน้าหลังการจัดฟัน โปรแกรมนี้ได้ช่วยให้ทันตแพทย์ และผู้ป่วยได้เห็นภาพการจัดฟันก่อนลงมือจัดจริง ทำให้ผู้ที่เข้ารับการจัดฟัน สามารถเห็นภาพตัวเองภายหลังการจัดฟันว่าหน้าตาที่ออกมาจะสวย หรือหล่อ อย่างไร ทำให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น อยากรู้จักโปรแกรมนี้มากขึ้น อย่าลืมมาติดตามและดูเทคโนโลยีใหม่ๆ ในงาน NECTEC-ACE2009 ในวันที่ 23-25 กันยายน ซึ่งเป็นการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี 2553 (NECTEC Annual Conference & Exhibitions 2009 : NECTEC-ACE 2009) ที่ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย

หน้า 26
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01epe01160952&sectionid=0147&day=2009-09-16

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ส.ว.มณเฑียร จี้รัฐเร่งออกกฎกระทรวงต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อผู้พิการ

 

 

 

ส.ว.มณเฑียร จี้รัฐเร่งออกกฎกระทรวงต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อผู้พิการ

15 ก.ย. 52 -             ส.ว.มณเฑียร เผย การพิจารณากฎกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการยังมีความล่าช้าอยู่มาก เรียกร้องรัฐเร่งให้การพิจารณาเพื่อสร้างความเป็นธรรมและสร้างประโยชน์ให้กับผู้พิการ

นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภาระบบสรรหา กล่าวถึงพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 50 ว่า ขณะนี้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่มีหน้าที่ออก         อนุบัญญัติมีความล่าช้าในการออกอนุบัญญัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว เช่น ร่างกฎกระทรวงของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่ได้เข้ารับพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)แล้ว แต่กลับถูกระงับการพิจารณาไว้ก่อนทั้งที่ร่างดังกล่าวนั้นสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยเป็นผู้ยกร่างเสนอแก่รัฐบาล จึงต้องการเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เร่งรัดการออกกฎกระทรวง ICT รวมถึงเร่งออกกฎกระทรวงแรงงานว่าด้วยการจ้างงานคนพิการและให้มีการปรับอัตราส่วนการจ้างงานคนพิการเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการให้ได้ประกอบอาชีพอิสระ

               

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                                                                                วิจิตรา น้าวัฒนไพบูลย์ ข่าว / เรียบเรียง



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/
http://newsblog9.blogspot.com/
http://bloghealth99.blogspot.com/
http://labour9.blogspot.com/
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

ให้ร่างกายสื่อภาษา / อู่วัฒนธรรม


ให้ร่างกายสื่อภาษา / อู่วัฒนธรรม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มกราคม 2552 20:05 น.
       เมื่อสัปดาห์ที่ แล้วอู่วัฒนธรรมพาทุกท่านไปรู้จักกับ เหมย หลันฟัง ปรมาจารย์งิ้วปักกิ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นนักแสดงงิ้วตัวนางระดับ ตำนานกันมาแล้ว สัปดาห์นี้ขอเว่ากันด้วยเรื่องงิ้วต่อเลยแล้วกัน...
       
       งิ้ว หรือ อุปรากรจีนเป็นศิลปะที่มีความหลากหลายทั้งการร้องเพลง การแสดงลีลาท่าทาง ระบำรำฟ้อน แต่ทั้งหมดก็สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว งิ้วเริ่มมีขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (ค.ศ.1179-1276) ในขณะนั้นการแสดงเป็นไปแบบมีบทพูดเป็นโคลงกลอดสลับร้อง โดยมีการวงเครื่องดีดสีตีเป่าประกอบการแสดง จนกระทั่งในสมัยราชวงศ์ชิงจึงเกิดเป็น “งิ้วปักกิ่ง” ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะประจำชาติ และมีความโดดเด่นมาก เพราะเป็นการแสดงที่เอาความเด่นของงิ้วทุกชนิดมารวมเข้าด้วยกัน
       
       ด้วยความที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ถึงขนาดองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ยกย่องให้งิ้วเป็น “มรดกโลก” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

       นอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าที่แตกต่างกันไปจะบ่งบอก ถึงบุคลิกอุปนิสัยของตัวละครแล้ว การเคลื่อนไหวแสดงท่าทางต่างๆ ก็เป็นการบ่งบอกถึงบทบาทและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น นักแสดงตัวนางก็จะทำมืออย่างที่เรียกว่า “นิ้วกล้วยไม้” เพราะว่าลักษณะคล้ายดอกไม้ โดยเหมย หลันฟัง หนึ่งในนักแสดงอุปรากรงิ้วผักกิ่งที่มีชื่อเสียงได้พัฒนาและคิดค้นรูปแบบ นิ้วสวยๆ หลายรูปแบบ รวมทั้งสีสันในการแต่งหน้าแต่งตาด้วย แฟนงิ้วในต่างประเทศเคยพูดว่า นิ้วมือของเขาสวยและมีเสน่ห์มาก
       
       นักแสดงงิ้วปักกิ่งเคลื่อนไหวมือของพวกเขา เช่น ลูบเครา ขยับหมวก สะบัดแขนเสื้อขณะสาวเท้า ซึ่งเหล่านี้ล้วนบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ของตัวละคร ร่างกายสั่นระริกบ่งบอกถึงความรู้สึกโกรธ กระตุกแขนเสื้อแสดงความถึงความรู้สึกรังเกียจ หากนักแสดงชายเหวี่ยงมือเหนือศีรษะ และกระตุกแขนเสื้อกลับ แสดงว่าเขารู้สึกประหลาดใจ แต่ะเมื่อตัวนางกำลังรู้สึกเขินอาย ก็จะยกแขนเสื้อขึ้นหนึ่งขึ้นมาปิดหน้า
       
       หากนักแสดงกำลังครุ่นคิดแผนการ พวกเขาก็จะสั่นนิ้วสั่นมืออยู่ข้างตัว และเมื่อคิดแผนออก ก็จะทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือข้างหนึ่ง หากรู้สึกกังวลใจก็จะเอามือทั้งสองข้างถูกันไปมา เป็นต้น
       
       การแสดงท่าทางถือว่ามีความสำคัญอย่างหนึ่งในการแสดงงิ้ว แม้แต่เหมย หลันฟัง นักแสดงงิ้วผู้มีชื่อเสียงก็ยังเคยมีประสบการณ์ที่สอนให้เขารอบคอบในการแสดง ท่าทางบินเวที
       
       มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะเขากำลังแสดงงิ้วอยู่นั้น ผู้ชมหลายคนต่างชื่นชมในการแสดงของเขาพากันตะโกนชื่นชม มีเพียงชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นมาว่า “ไม่ดี” เหมย หลันฟัง ได้ยินให้รู้สึกสงสัยยิ่ง เพราะเขาแสดงงิ้วมาหลายปีเพียงนี้ ยังไม่เคยมีใครบอกว่าไม่ดี ดังนั้นหลังจบการแสดงเหมย หลันฟังจึงได้เข้าไปคุยกับชายชราผู้นั้น
       
       ซึ่งชายชราเมื่อเห็นว่าเหมย หลันฟัง เข้ามาขอคำชี้แนะอย่างนอบน้อม จึงตอบกลับไปว่า “ท่าแสดงการขึ้นลงบันไดนั้น ขึ้น 7 ลง 8 แต่ทำไมคุณถึงขึ้น 8 ลง 8 เล่า” เมื่อเหมย หลันฟังได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าตัวเองผิดจริง จึงได้ขอบคุณชายชราผู้นั้น และนับจากนั้นมาเหมย หลันฟังก็จะเชิญชายชรา ซึ่งเขาถือว่าเป็นอาจารย์ผู้ชี้แนะ มาชมการแสดงของเขาเสมอ
       
       นิ้วรูปแบบต่างๆ

ตัวอย่างนิ้วรูปแบบต่างๆ
       รูปที่ 1 – “ต่อสู้ด้วยดาบ” อี้ว์ จี จะใช้ท่านี้เมื่อตอนที่เธอแสดงท่ารำดาบในเรื่อง Farewell My Concubine
       รูปที่ 2 – “ชี้นิ้วเป็นวง” เจ้า เหยียนหรง ใช้ท่านี้เมื่อถึงบทพูดว่าว่า “ฉันกำลังจะขึ้นสวรรค์” ในเรื่อง Beauty Defies Tyranny
       รูปที่ 3 - “แบมือ” นักแสดงชายจะใช้ท่านี้ในฉากต่อสู้
       รูปที่ 4 – “นิ้วกล้วยไม้” เป็นลักษณะนิ้วของนักแสดงหญิง เพื่อตอกย้ำความเป็นหญิงของพวกเธอ
       รูปที่ 5 – “ท่าถือพัดคว่ำ” หยาง อี้ว์หวน (หยางกุ้ยเฟย) ใช้นิ้วแบบนี้เมื่อนางถือพัดในเรื่อง The Drunken Beauty
       รูปที่ 6 – “กำหมัด” ก็ใช้ในฉากต่อสู้เช่นกัน
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000007141
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

"รวมญาติ" สมบัติพระราชวังต้องห้าม

"รวมญาติ" สมบัติพระราชวังต้องห้าม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2552 16:55 น.
จีน และไต้หวันจับมือกันแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 60 ปี โดยจะเปิดนิทรรศการร่วมแสดงสมบัติจากยุคจักรพรรดิหย่งเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง ที่ไทเป เดือนตุลาคมนี้ ภาพ:ภาพเขียน หย่งเจิ้ง ครองราชย์ ปี ค.ศ. 1722-1735 ทรงมีชื่อเสียงด้านการต่อสู้คอรัปชั่น ภาพดังกล่าวถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ กรุงปักกิ่ง

       
       เอ เจนซี--ณ ช่วงที่เมืองจีนกำลังระส่ำ ไฟสงครามลูกใหญ่รุกเข้ามาในต้นปี 1933 (2476) ก่อนที่กองทัพระจักรพรรดิแดนอาทิตย์อุทัยยาตราทัพเข้ามา พรรคกั๋วหมินตั่ง หรือที่ชาวไทยคุ้นเคยในชื่อ ก๊กมินตั๋ง ก็ได้ขนย้ายสมบัติบรรพบุรุษที่ตกทอดสั่งสมนับนับพันปี จากพระราชวังต้องห้ามนครปักกิ่ง ที่ถูกบรรจุใส่ลังไม้มากกว่า 13,000 ลัง
       
       พวกเขาได้แยกลังสมบัติวัตถุโบราณและแบ่งกันขนหนีไปตามที่ต่างๆทั่ว ประเทศจีน ให้พ้นเอื้อมมือผู้รุกรานที่อาจเข้ามาปล้นชิงไป สมบัติจากพระราชวังจีนเหล่านี้ ซึ่งนับเป็นศิลปะล้ำค่าที่สุดแห่งเอเชีย ได้ฝ่าไฟสงครามจากการทิ้งลูกระเบิดและการโจมตีบนพื้นดิน นานถึง 12 ปี กระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองยุติในปี ค.ศ. 1945
       
       สมบัติพระราชวังได้กลับมารวมกันหลังสงครามในนครหนันจิง หรือนานกิง เมืองหลวงโบราณของจีน ขณะนั้น สงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังดำเนินต่อไป เมื่อมีสัญญาณชัดว่ากองทัพปลดแอกประชาชนของผู้นำคอมมิวนิสต์ จะเป็นผู้พิชิตชัยชนะ ผู้นำก๊กมินตั่งก็ได้คัดเลือกโบราณวัตถุชิ้นที่ล้ำค่าที่สุด นับได้มากกว่า 3,000 ลัง รวมกว่า 655,000 ชิ้น ขนส่งไปยังเกาะไต้หวันระหว่างปี 1948 และต้นปี 1949(2492)
ก่อนสิ้นสงครามกลางเมือง โบราณวัตถุที่ผู้นำก๊กมินตั๋งเลือกไปนั้น ล้วนเป็นสุดยอดงานศิลปะ อาทิเครื่องเคลือบและภาพเขียนที่หายากที่สุดในโลก รวมทั้งงานศิลปะในยุคราชวงศ์ชิง จนอาจเรียกได้ว่าโบราณวัตถุของพระราชวังต้องห้ามชิ้นเด็ดๆนั้น ตกอยู่ในมือไต้หวันเป็นส่วนใหญ่ ถึงขนาดมีคำกล่าวในชาวจีนบางกลุ่มว่า "ไต้หวันมีโบราณวัตถุแต่ไม่มีวัง ส่วนปักกิ่งมีวังแต่ไม่มีโบราณวัตถุ"
       

       
       
ไฟล์ ภาพประวัติศาสตร์ ผู้นำก๊กมินตั๋งขนย้ายโบราณวัตถุจากพระราชวังต้องห้ามหนีภัยสงครามไปตามที่ ต่างๆทั่วประเทศจีนจีนอย่างยากลำบากตั้งแต่ปีค.ศ. 1933 จนสงครามโลกครั้งที่สองสงบในปี 1945
       
       ผู้นำคอมมิวนิสต์ได้ขนโบราณวัตถุที่ก๊กมินตั่งเหลือทิ้งไว้ไปไว้ที่ พระราชวังต้องห้ามกรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุ 2,221 ลัง ที่ถูกทิ้งไว้ที่พระราชวังเทียนเฉาในนครหนันจิงหลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่น หนันจิงและปักกิ่งได้ถกเถียงกันถึงความเป็นเจ้าของสมบัติเหล่านี้
       
       นับเป็นเวลาถึง 60 ปี ที่สมบัติพระราชวังจีน ได้แยกกันอยู่คนละดินแดน โดยส่วนหนึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง และอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติในนครไทเป ทั้งนี้ ผู้นำก๊กมินตั่งได้ตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติขึ้นที่ไทเป โดยใช้ชื่อเดียวกับพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง คือ พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ (กู้กงโป๋อู้ย่วน 故宫博物院 –National Palace Museum)
       
       "รวมญาติ" สมบัติพระราชวังจีน
       
       
กระทั่ง สัมพันธภาพระหว่างสองดินแดนจีนชื่นมื่นถึงที่สุดหลังจากที่ผู้นำพรรคก๊กมิ นตั่ง หม่า อิงจิ่ว ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ก็มีการเจรจาแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่สำคัญคือ การจัดแสดงนิทรรศการใหญ่รำลึกจักรพรรดิหย่งเจิ้ง ร่วมระหว่างสองดินแดน
       
       และในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นาง โจว กงซิน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงแห่งไทเป ได้นำคณะเดินทางไปประชุมที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง เพื่อเจรจาขอยืมวัตถุโบราณของพระราชวังต้องห้ามไปจัดแสดงนิทรรศการรำลึก จักรพรรดิหย่งเจิ้ง ที่ไทเปในเดือนตุลาคม โดยจะเปิดให้ผู้ชม 3 เดือน
       
       สำหรับผลการเจรจา สื่อจีน ไชน่า เดลี่เมื่อวันจันทร์(16 ก.พ.)เผยว่าพิพิธภัณฑ์ พระราชวังแห่งชาติ กรุงปักกิ่ง ตกลงให้ไทเป ยืมโบราณวัตถุราชวงศ์ชิง 29 ชิ้น โดยผู้แทนจากพิพิธภัณฑ์ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงการยืมโบราณวัตถุครั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์(15 ก.พ.) นอกจากนี้ ฝ่ายจีนยังแสดงความหวังที่จะยืมโบราณวัตถุจากไทเปมาจัดแสดงนิทรรศการที่แผ่น ดินใหญ่ด้วย
       

       ไชน่าเดลี่อ้างสื่อไต้หวันว่า ด้านไต้หวันซึ่งครองวัตถุโบราณจากพระราชวังต้องห้ามชิ้นล้ำค่าไว้มากมายนั้น มีท่าทีบ่ายเบี่ยงที่จะให้ปักกิ่งยืมสมบัติเหล่านี้ เนื่องจากเกรงว่าจีนจะไม่ยอมคืนวัตถุโบราณที่ยืมไป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองจะเจรจาความเป็นไปได้ในการจัดนิทรรศการร่วมแสดงโบราณวัตถุของ พระราชวังต้องห้ามระหว่างงานเซี่ยงไฮ้ เอ็กซ์โป 2010
       
       สำหรับปักกิ่งการแลกเปลี่ยนนี้ นอกจากสะท้อนความร่วมมือในด้านศิลปะ ยังต้องการปรับปรุงภาพลักษณ์ของจีนแก่ชาวไต้หวัน เพื่อบั่นทอนกระแสต่อต้านการรวมชาติ
       
       สำหรับงานศิลปะที่ไทเปต้องการยืมไปจัดแสดงในนิทรรศการฯนั้น ส่วนใหญ่เป็นภาพวาดและตราประทับของจักรพรรดิหย่งเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1722-1735 (พ.ศ.2266-2278)
ผู้เชี่ยวชาญศิลปะจีน นาย Marc F. Wilson ผู้อำนวยการ Nelson-Atkins Museum ในเคนซัสซิตี้ กล่าวว่า การยืมงานศิปละของทางไทเปนั้น "มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์มากกว่า เพราะวัตถุโบราณที่ยืมไปนั้น ไม่ใช่งานที่ยิ่งใหญ่"
       
       
พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป ออกแบบเหมือนห้องพระโรงหลวงของพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง
       
       สำหรับการขอยืมงานศิลปะพระราชวังจากไทเปมาจัดแสดงในจีนนั้น นาง โจวกล่าวว่า "ขณะนี้ ยังไม่มีแผน" ซึ่งการกระทำเช่นนี้ จะยิ่งโหมกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในไต้หวันมาก เนื่องจากทางปักกิ่งนั้น อ้างตลอดมาว่า โบราณวัตถุพระราชวังทั้งหมดนั้นเป็นของปักกิ่ง สำหรับทางไทเปนั้น ไม่เคยโต้แย้งใดๆต่อการถือครองสมบัติพระราชวังของปักกิ่ง
       
       นอกจากนี้ นางโจวชี้ว่าพิพิพธภัณฑ์ทั้งสองแห่งจะได้รับประโยชน์ในด้านความชำนัญในการ อนุรักษ์สมบัติบรรพบุรุษ ซึ่งไทเปมีจุดเด่นด้านเทคนิกใหม่ล่าสุดสำหรับการจัดแสดงงานศิลปะเก่าแก่ ขณะที่ปักกิ่งนั้น ชำนาญการเก็บรักษานาฬิกา "ทางเราก็มีนาฬิกา แต่เป็นจำนวนน้อย และก็ไม่กล้าที่จะแตะต้อง เพราะไม่มีทักษะด้านนี้"
       
       อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ก็ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในไต้หวัน โดยพรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปไตยก้าวหน้า –ดีพีพี ชี้ ว่าทางแผ่นดินใหญ่นั้น ไม่แม้แต่ยอมรับชื่อ "พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ" (National Palace Museum) เนื่องคำว่า "แห่งชาติ" อาจตีความเป็นการยอมรับอธิปไตยของรัฐบาลไต้หวัน สำหรับทางสำนักงานซินหัวได้อ้างถึงชื่อนี้ โดยใส่เครื่องหมายคำพูดกำกับไว้ เพื่อชี้ว่าเป็นชื่อเฉพาะ
       

       สำหรับนางโจวนั้น เป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปะที่มีชื่อเสียง จบปริญญาเอกจาก มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า เธอมุ่งไปที่ความร่วมมือด้านศิลปะเท่านั้น และหลีกเลี่ยงเรื่องการเมือง อย่างไรก็ตาม แก่นเนื้อหาของนิทรรศการที่จะจัดในเดือนตุลาคม คือ ศิลปะโบราณวัตถุราชวงศ์ชิงแห่งรัชสมัยหย่งเจิ้งนั้น ก็มีกลิ่นอายทางการเมืองแอบแฝงอยู่
       
       จักรพรรดิหย่งเจิ้งทรงมีชื่อเลื่องลือด้านการต่อสู้คอรัปชั่น ขณะที่ เฉิน สุ่ยเปี่ยน อดีตประธานาธิบดีจากพรรคดีพีพี ที่ครองอำนาจประมุขดินแดน 8 ปี(2000-2008) กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในข้อกล่าวหาคอรัปชั่น
       
       "นั่น เป็นเรื่องบังเอิญ เรามุ่งไปที่เรื่องศิลปะเท่านั้น" นางโจว ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจในการเลือกธีม นิทรรศการ.


     
ภาพเขียนหย่งเจิ้ง ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ปักกิ่ง ภาพเขียนหย่งเจิ้งทรงชุดนักพรตเต๋า ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ปักกิ่ง ภาพเขียนหย่งเจิ้งชมจันทร์ในวันขึ้นแปดค่ำ ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ปักกิ่ง
     
ถ้วยทองประดับมุกและอัญมณีของจักรพรรดิเชียนหลง กษัตริย์ชิงถือเป็นสมบัติล้ำค่าจากบรรพบุรุษ หม้อลวดลายมังกร สมบัติตกทอดจากยุคราชวงศ์ซ่ง ภาพวัว 5 ตัว 五牛图 ภาพวาดบนกระดาษชิ้นเก่าแก่ที่สุด เท่าที่มีอยู่ปัจจุบัน
     
นาฬิการูปแบบตำหนักทอง มีประตูเปิดออกอัตโนมัติพร้อมเซียนออกมาอวยพร สร้างในรัชสมัยเชียนหลง "ส่าน ซื่อผาน" จากปลายยุคซีโจว หรือโจวตะวันตก (ศตวรรษที่ 11 ก่อน ค.ศ.-771 ปี ก่อนค.ศ.) สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากที่สุดคือ คำจารึก 357 ตัวอักษร บันทึกข้อตกลงข้อพิพาทดินแดนระหว่างแคว้นหลิน และแคว้นส่าน อีกหนึ่งสมบัติชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป "เหมา กงติ่ง" สันนิษฐานว่าเป็นติ่งในยุค โจวเซวียนหวัง ภายในติง ยังมีคำจารึก 500 ตัว นับเป็นเครื่องทองเหลืองในยุคซัง-โจวชิ้นเก่าแก่ที่สุดเท่าที่ขุดพบ นอกจากมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์แล้ว ติ่งชิ้นนี้ ยังมีความสำคัญมากในงานวิจัยอักษรจีนโบราณ และลายมือเขียน สมบัติชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป
     
ปิ่นโต จีนสี่ชั้น แกะสลักจากงาช้างเป็นเรื่องราว 8 เซียนข้ามทะเล รูปนกดอกไม้และคน ที่น่าอัศจรรย์ใจคือ มันเป็นปิ่นโตกึ่งโปร่งใส โดยช่างได้ใช้ชิ้นงาช้างบางเฉียบจนมองทะลุได้ปะติดระหว่างลวดลายได้อย่าง เนียนมาก และ ก็แทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่า มาจากงาช้างใหญ่ทั้งชิ้น! เป็นงานแกะสลักในยุคชิง หนึ่งสมบัติชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป แจกันยุคราชวงศ์ชิง สุดยอดสมบัติพระราชวัง ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป คัดเอกมาจัดแสดงในนิทรรศการ ผักกาดขาวแกะสลักจากหยกเขียว สูง 18.7 ซม. กว้าง 9.1 ซม. สุดยอดงานแกะสลักหยก ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติในไทเป
     
หยกขาวฉลุลายห่านป่าในบึงใหญ่ หัวเข็มขัดสมัยราชวงศ์หยวน-หมิง ปัจจุบันเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป วานรคู่ขโมยลูกท้อ' แกะสลักจากหยกไป๋อี้ว์ ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป หยกสีแดง แกะสลักเป็นรูปทรงก้อนเนื้อหมูสามชั้น สุดยอดงานแกะสลักหยก ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติในไทเป
     
เครื่อง ห้อยงาช้างสลักสมัยราชวงศ์ชิง สูง 54.8 ซม. ลูกบอลมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 11.7 ซม. และ เจดีย์เก้าชั้นสมัยชิง แกะสลักจากงาช้าง สูง 67 ซม. กว้าง 21.6 ซม. อยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไทเป เครื่องเคลือบแจกันคู่ลายนกและดอกไม้ปลายยุคคังซีแห่งราชวงศ์ชิง ลวดยายงามวิจิตรสุดยอด ของพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวงแห่งชาติไทเป
   
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000018207


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ park
http://kbparks.blogspot.com/ kbpark
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

คลังบทความของบล็อก

ผู้ติดตาม